เอสเปรสโซ่ รากเหง้าสู่กาแฟหลากรูปแบบ

หลายๆ ท่านอาจจะยังไม่ทราบว่ากาแฟ เอสเปรสโซ่ รากเหง้าสู่กาแฟหลากรูปแบบ โดยสามารถปรับเปลี่ยนเป็นกาแฟรูปแบบต่างๆ ได้อย่างง่ายดายเพิ่งแค่เปลี่ยนส่วนผสม และกาแฟชนิดนี้ยังได้รับการยอมรับว่ามันเป็นสุดยอดของกาแฟที่ให้รสชาติอันโดดเด่น รวมไปถึงความหอมที่นุ่มลึกมากที่สุดในโลกอีกด้วย

ประวัติศาสตร์แห่งเอสเปรสโซ่

ก่อนที่เครื่องดื่มกาแฟรสชาตินุ่มลึกและหอมกรุ่นเป็นพิเศษนี้จะแพร่กระจายไปทั่วโลก เอสเปรสโซ่เคยเป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่ในประเทศอิตาลี แปลเป็นความหมายว่าความเร่งด่วน ผู้คนในอดีตในแถบยุโรปทางตอนใต้จะรู้จักกับกาแฟชนิดนี้กันเป็นอย่างดี เหตุที่แทรกซ่อนอยู่ด้วยควาหมายเช่นนั้น ก็เป็นเพราะว่าการดื่มที่ต้องดื่มให้หมดทันทีภาย 5 นาที หลังการชง และแก้วที่เสิร์ฟจะมีขนาดเล็กหรือที่เราเรียกกันว่า “แก้วชอต” รสชาติเมื่อสัมผัสเข้าสู่ปลายลิ้นแล้ว ความเข้มขมและหอมกรุ่นจากกลิ่นคั่วที่อบอวลอยู่ภายในปาก หลังจากกลืนลงคอไปแล้ว ก็ยังสามารถสัมผัสถึงรสชาติของมันได้อยู่อีกสักพักหนึ่ง

เสน่ห์ของเอสเปรสโซ่

สีสันของเอสเปรสโซ่ที่ได้ จะมีสีน้ำตาลเข้ม ไม่มีการปรุงแต่งน้ำตาลหรือส่วนผสมอื่นใด ดังนั้นรสชาติที่ได้จึงมีความหอมของกาแฟตามธรรมชาติแบบ 100 เปอร์เซ็น โดยตัวกาแฟที่มีคุณภาพจะต้องมีความหอมลงตัว ไม่มีกลิ่นเปรี้ยวหรือเหม็นหืนอื่นใดเจือปน เป็นกลิ่นที่เกิดขึ้นจากการคั่วและบดอย่างละเอียด

ทำให้น้ำมันภายในเมล็ดระเหยออกมาเมื่อโดนความร้อน ทุกแก้วที่ผ่านการชงจะต้องไม่ตกตะกอน หลังจากสกัดด้วยแรงดันน้ำแล้วจะมีส่วนของฟองจางๆ เกิดขึ้น ให้สัมผัสที่นุ่มลิ้นลอยลิ่วอยู่ด้านบนขอบแก้ว ขณะดื่มด่ำจะให้รสชาติของกาแฟที่มีรสชาตินุ่มลึก สัมผัสได้ถึงคาเฟอีนที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้าๆ คนที่ชอบดื่มเอสเปรสโซ่ส่วนใหญ่ นอกจากจะหลงใหลในรสชาติอันโดดเด่นของมันแล้ว ความเข้มข้นที่ทำให้มีปริมาณคาเฟอีนมากกว่าชนิดอื่น ยังทำให้พวกเขากระปรี้กระเปร่า พร้อมสำหรับการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ได้อย่างสดใสและเต็มไปด้วยพลังที่แผ่นซ่านไปทั่วร่าง และอีกอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญ นั่นคือ “หัวใจหลัก”

นอกจากจะอยู่ที่การชงและการกดกากกากาแฟลงไปใน portfiller ให้แน่นก่อนที่จะใช้แรงดันน้ำดันเอารสชาติเข้มๆ ของกาแฟออกมาให้ได้อย่างเต็มที่แล้ว กาแฟชนิดนี้จำเป็นจะต้องใช้กาแฟชนิด “อาราบิก้า” เพื่อคงรสชาติอันสมบูรณ์แบบเอาไว้