ดริปกาแฟ กับ โมก้าพอท ต่างกันยังไง ?
วันนี้เราจะพาทุกท่านมาดูว่า ดริปกาแฟ กับ โมก้าพอท ต่างกันยังไง ? ซึ่งทั้งสองอย่างมีวิธีการชงกาแฟที่แตกต่าง แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนยังคงคิดว่าคือวิธีการชงเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วคือคนละวิธี
ซึ่งจะมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร เราไปดูกันเลย
ดริปกาแฟ

นับว่าได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบันนี้ เพราะเป็นการชงกาแฟที่บาริสต้า หรือคนชง สามารถควบคุมรสชาติกาแฟได้ เริ่มตั้งแต่การเลือกใช้เมล็ดกาแฟ ระดับการคั่วเมล็ดกาแฟ และควรใช้ระดับการบดอยู่ที่ระดับการบดปานกลาง เพราะถ้าใช้ผงกาแฟที่ละเอียดมาก น้ำจะซึมผ่านกาแฟได้ช้า ส่วนอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 92-94 องศาเซลเซียส ที่สำคัญคือสามารถกำหนดน้ำหนักมือของการเทน้ำ อัตราการไหลช้าเร็วของน้ำเมื่อผ่านตัวผงกาแฟ รวมไปถึงระยะเวลาในการที่น้ำไหลผ่านตัวผงกาแฟ ซึ่งจะมีต้องใช้ดริปเปอร์ และกระดาษกรอง เป็นอุปกรณ์หลักในการกรองผงกาแฟ ที่วางด้านบนภาชนะสำหรับรองน้ำกาแฟที่สกัดได้ โดยจะใช้เวลาในการชงประมาณ 5-10 นาที ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคน
สำหรับการชงนั้นก็เริ่มจากการนำผงกาแฟที่บดได้ในระดับที่เหมาะสม มาใส่ในดริปเปอร์ที่มีกระดาษกรองรองอยู่ เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกรองกากกาแฟ จากนั้นจึงค่อย ๆ เทน้ำวนจากตรงกลางแล้วหมุนมือเป็นวงกลมก้นหอยจนทั่วผงกาแฟ แล้วทำการพักตามเวลาเพื่อให้น้ำไหลซึมผ่านตัวผงกาแฟ ซึ่งจะทำการเทน้ำ 4-5 รอบ แล้วรอจนน้ำกาแฟหยดลงจนหมด เท่านี้ก็ได้แล้ว
วิธีชงกาแฟดริป
- นำอุปกรณ์ในการดริปกาแฟ มาเตรียมให้พร้อม
- เตรียมผงกาแฟและน้ำร้อน ในอัตราส่วน 1:17 เช่น ใช้ผงกาแฟ 20 กรัม จะต้องใช้น้ำ 340 มิลลิลิตร
- น้ำร้อนควรต้มให้เดือดในอุณหภูมิ 92-94 องศาเซลเซียส
- ตักผงกาแฟที่บดแล้วใส่ลงในดริปเปอร์ที่มีกระดาษกรอง
- ก่อนเทน้ำร้อน ให้ตั้งค่าเครื่องชั่งน้ำหนักเป็น 0 เพื่อทำการชั่งระหว่างการเทน้ำ
- เริ่มเทน้ำร้อนครั้งแรกลงไป เทน้ำให้ได้อยู่ที่ 60 กรัม แล้วพักไว้ 40 วินาที เพื่อให้ผงกาแฟดูดซับน้ำ (โดยเริ่มเทจากตรงกลางแล้วหมุนมือเป็นวงกลมก้นหอย)
- เทน้ำครั้งที่ 2 เพิ่มลงไปอีก 60 กรัม และพักไว้ 40 วินาที (รวมน้ำทั้งหมด 120 กรัม)
- เทน้ำครั้งที่ 3 เพิ่มลงไปอีก 60 กรัม แล้วพักไว้ 40 วินาที (รวมน้ำทั้งหมด 180 กรัม)
- เทน้ำครั้งที่ 4 เพิ่มลงไปอีก 80 กรัม แล้วพักไว้ 30 วินาที (รวมน้ำทั้งหมด 260 กรัม)
- เทน้ำครั้งสุดท้าย เพิ่มลงไปอีก 80 กรัม แล้วพักรอบสุดท้าย 30 วินาที (รวมน้ำทั้งหมด 340 กรัม)
- แล้วรอน้ำกาแฟหยดจนใกล้จะหมด ให้ยกดริปเปอร์ออก แล้วทำการคนกาแฟก่อนเสิร์ฟ
หมายเหตุ : ควรเทน้ำจากตรงกลางแล้วหมุนมือเป็นวงกลมก้นหอย ให้ทั่วผงกาแฟทุกรอบ และคอยควบคุมความเร็วในการเทน้ำที่พอเหมาะ เพื่อเป็นการรักษารสชาติและคุณภาพของกาแฟให้ออกมาดีมากที่สุด
โมก้าพอท

อุปกรณ์ชงกาแฟที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่ในร้าน ทั้งยังมีหลายรุ่น หลายยี่ห้อ หลายราคาที่จะต่างกันออกไปตามประสิทธิภาพการทำงาน โดยหม้อต้มกาแฟโมก้าพอทนี้สามารถใช้ได้ทั้งเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า รวมถึงบางรุ่นยังใช้ได้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้า นอกจากจะชงกาแฟแล้ว ยังนำไปชงกับผงชาบดหยาบต่าง ๆ ได้ แต่การชงแบบโมก้าพอทนี้ คนชงจะสามารถควบคุมได้เพียงการเลือกใช้เมล็ดกาแฟ ระดับการคั่ว แต่ระดับการบดที่ควรใช้คือการบดละเอียดให้มีลักษณะเหมือนเกลือ ไม่ควรละเอียดมากเกินไปจะทำให้ได้กาแฟรสขม แต่สำหรับอุณหภูมิของน้ำ ระยะเวลาในการสกัดนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับตัวเครื่องนั้น ๆ ไม่สามารถที่จะควบคุมได้เหมือนกับการดริปกาแฟ
สำหรับการชงกาแฟประเภทนี้ไม่ควรที่จะบดเมล็ดกาแฟให้ละเอียดหรือหยาบจนเกินไป รวมไปถึงไม่ควรกดผงกาแฟอัดแน่นจนเกินไป และควรเกลี่ยให้เรียบเท่ากัน ในการต้มทุกครั้งควรใช้ไฟในระดับปานกลาง เพราะการใช้ไฟแรงอาจจะทำให้ไม่ได้อุณหภูมิที่พอเหมาะและเสี่ยงให้เกิดกลิ่นไหม้ของกาแฟ หรือหากใช้ไฟอ่อนจนเกินไป ก็จะทำให้่ความร้อนไม่ถึง ก็จะได้รสชาติกาแฟที่ไม่เข้มข้น โดยจะเป็นการสกัดกาแฟที่จะต้องทำให้น้ำที่อยู่ตรงส่วนหม้อด้านล่างเดือด แล้วอาศัยแรงดัน ดันน้ำขึ้นมาผ่านผงกาแฟ จนออกมาเป็นน้ำกาแฟที่อยู่หม้อด้านบน
วิธีการชงกาแฟแบบโมกาพอท
- นำอุปกรณ์ต่าง ๆ ของหม้อต้มโมก้าพอทมาเตรียมไว้ให้พร้อม
- เตรียมผงกาแฟ 1.5 ช้อนโต๊ะ และน้ำเปล่า 150 มิลลิลิตร (สำหรับหม้อ 3 cup)
- ตักผงกาแฟใส่ชั้นกรอง เกลี่ยกาแฟให้เรียบเท่ากัน
- นำชั้นกรองไปใส่ในหม้อส่วนล่าง
- นำหม้อส่วนบนมาประกอบ แล้วหมุนปิดให้แน่นสนิท
- นำไปตั้งเตาไฟฟ้า (หากใช้เตาแก๊สควรใช้ไฟระดับกลาง)
- รอจนน้ำเดือด แล้วให้เกิดแรงดันจนดันน้ำผ่านผงกาแฟขึ้นมาในหม้อส่วนบน เท่านี้ก็ได้น้ำกาแฟแล้ว (เมื่อน้ำเริ่มดันขึ้นมาแล้วให้ปิดเตาทันที)
สรุปแล้วการชงกาแฟแบบดริปกาแฟ และแบบโมก้าพอทต่างกันยังไง
- ดริปกาแฟ : ชงด้วยการใช้น้ำร้อน ค่อย ๆ เทลงด้านบนของผงกาแฟให้น้ำไหลผ่านกระดาษกรอง จะได้รสชาติที่คล้ายกับอเมริกาโน่จางๆ ให้รสชาติที่เข้มข้นน้อยกว่าการชงแบบอื่น
- โมก้าพอท : ชงด้วยการต้มน้ำให้เดือด น้ำจะกลายเป็นไอแล้วอาศัยแรงดันในการสกัดน้ำกาแฟขึ้นมา เนื่องจากสกัดกาแฟด้วยแรงดันน้ำ จึงทำให้ได้รสชาติและกลิ่นที่หนักกว่าวิธีการชงแบบอื่น กาแฟที่ได้จึงรสชาติเข้มและขมกว่า
5 เหตุผลที่ทำให้คุณตกหลุมรักกาแฟ
5 เหตุผลที่ทำให้คุณตกหลุมรักกาแฟ รสชาติของกาแฟทำให้เราส … 5 เหตุผลที่ทำให้คุณตกหลุมรักกาแฟ Re...
Read Moreน้ำแข็งประเภทไหนเหมาะกับร้านเครื่องดื่ม
น้ำแข็งประเภทไหนเหมาะกับร้านเครื่องดื่ม น้ำแข็ง เป็นอีก … น้ำแข็งประเภทไหนเหมาะกับร้านเครื่อง...
Read Moreวิธีทำฟองนมแบบง่ายๆ แก้ปัญหาฟองนมไม่ขึ้นฟู
วิธีทำฟองนมแบบง่ายๆ แก้ปัญหาฟองนมไม่ขึ้นฟู วันนี้เราจะม … วิธีทำฟองนมแบบง่ายๆ แก้ปัญหาฟองนมไม...
Read Moreวิธีการทำกาแฟ Cold Drip
วิธีการทำกาแฟ Colddrip วันนี้เราจะมาสอน วิธีการทำกาแฟ C … วิธีการทำกาแฟ Cold Drip Read More &...
Read Moreวิธีทำกาแฟเย็นด้วย French Press
วิธีทำกาแฟเย็นด้วยFrench Press การทำกาแฟมีหลากหลายวิธีท … วิธีทำกาแฟเย็นด้วย French Press Rea...
Read Moreเคล็ดลับการบริการสำหรับร้านกาแฟ ให้ลูกค้าประทับใจ
เคล็ดลับบริการสำหรับร้านกาแฟ ให้ลูกค้าประทับใจ สิ่งสำคั … เคล็ดลับการบริการสำหรับร้านกาแฟ ให้...
Read Moreทำไมถึงต้องใช้เครื่องชั่งดิจิตอลในการทำกาแฟ?
ทำไมถึงต้องใช้เครื่องชั่งดิจิตอลในการทำกาแฟ? ทุกวันนี้เ … ทำไมถึงต้องใช้เครื่องชั่งดิจิตอลในก...
Read More6 เครื่องดื่มร้อน เมนูยอดฮิตที่ร้านกาแฟต้องมี
6 เครื่องดื่มร้อน เมนูยอดฮิตที่ร้านกาแฟต้องมี วันนี้เรา … 6 เครื่องดื่มร้อน เมนูยอดฮิตที่ร้าน...
Read More5 ไอเดียขายกาแฟออนไลน์
5 ไอเดียขายกาแฟออนไลน์ ขายกาแฟออนไลน์ หรือแม้แต่เครื่อง … 5 ไอเดียขายกาแฟออนไลน์ Read More &r...
Read Moreแจกสูตร โอเลี้ยงยกล้อ
แจกสูตร โอเลี้ยงยกล้อ วันนี้เราจะมา แจกสูตร โอเลี้ยงยกล … แจกสูตร โอเลี้ยงยกล้อ Read More &ra...
Read Moreกาแฟโบราณ คืออะไร
กาแฟโบราณ คืออะไร หลายๆ ท่านคงจะเคยเห็น ได้ยิน หรือลิ้ม … กาแฟโบราณ คืออะไร Read More »
Read Moreแหล่งที่พบคาเฟอีน พบได้ที่ไหน
แหล่งที่พบคาเฟอีน ทุกท่านสงสัยกันไหมว่า คาเฟอีนมาจากไหน … แหล่งที่พบคาเฟอีน พบได้ที่ไหน Read ...
Read More